‘ม.มหิดล’หวังคนไทยห่างไกล NCDs สร้างสรรค์‘สื่อสุขภาวะ’แอนิเมชั่นแนวใหม่

มหาวิทยาลัยมหิดล ผนึกกำลังแพทย์ พยาบาล นักสาธารณสุขสื่อสารสุขภาวะ-พฤติกรรมศาสตร์ และนักเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมสื่อสุขภาวะ แอนิเมชั่นแนวใหม่เพื่อชีวิตคนไทยห่างไกลกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่ง่ายต่อการเข้าถึงและใช้ได้จริง โดย รศ.ดร. มลินี สมภพเจริญ อาจารย์ประจำภาควิชาสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหนึ่งในคณะผู้จัดทำนวัตกรรมสื่อสุขภาวะ สื่อแอนิเมชั่นแนวใหม่เพื่อชีวิตคนไทยห่างไกล NCDs ที่มี รศ.ดร.ปาหนัน พิชยภิญโญ เป็นหัวหน้าคณะผู้จัดทำ

ยังมีผู้ร่วมคณะ คือ รศ.ดร.วีณา เที่ยงธรรม และ รศ.ดร.จุฑาธิป ศีลบุตร จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ นายอาโมทย์ สมบูรณ์แก้ว จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งประเด็นหลักของการพัฒนามุ่งเน้นที่ยุคสมัยของการสร้างแอนิเมชั่นเพื่อสุขภาวะเช่นปัจจุบัน ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่ต้องคอยชี้แนะ โดยเห็นเพียงหลักการ แต่ไม่อาจเห็นผลในเชิงปฏิบัติ

การสร้างแอนิเมชั่นด้วยการหยิบยกเอาโจทย์ปัญหาสุขภาวะที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันมาสะท้อนให้ประชาชนค่อยๆ ทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง พบว่าเป็นหนทางที่ทำใหเกิดการเข้าถึงสุขภาวะที่จับต้องได้มากกว่า ซึ่ง รศ.ดร.มลินีได้เล่าถึงเบื้องหลังของนวัตกรรมสื่อสุขภาวะ แอนิเมชั่นแนวใหม่เพื่อชีวิตคนไทยห่างไกล NCDs ว่า เป็นการจัดทำภายใต้ทุน Fundamental Fund ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ซึ่งเน้นที่การส่งเสริมการป้องกันกลุ่มโรค NCDs

โดยโรคกลุ่มนี้ที่พบจำนวนผู้ป่วยมากที่สุดในโลก 3 อันดับแรก คือ โรคอ้วนโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ในเบื้องต้นได้จัดทำเพื่อประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในวัยทำงาน และวัยเกษียณ ซึ่งมักพบว่าเป็นวัยที่มีปัญหาโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง จากปัญหาพฤติกรรมการกิน-อยู่มากที่สุด พร้อมติดตามได้ทางเว็บไซต์ในปี 2567

เนื้อหาจะสะท้อนให้เห็นชีวิตคนเมืองในวัยทำงาน ผ่านตัวละครที่เป็นสาวออฟฟิศต้องเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานก่อนวัยอันควร เนื่องจากนิยมดื่มชานมไข่มุกเป็นประจำ และรับประทานผลไม้รสหวานในช่วงเย็นหวังลดหุ่นแบบผิดๆ ในขณะที่ตัวละครฝ่ายชายหลังเลิกงานมักตั้งวงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อการสังสรรค์โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง

นอกจากนี้ ยังได้สะท้อนผ่านพฤติกรรมเสี่ยง NCDs ในครอบครัว แม้มีลูกหลานที่มักเอาอกเอาใจพ่อแม่ปู่ย่าตายายด้วยการให้ของโปรดที่เป็นของหวาน แต่ไม่เคร่งครัดเรื่องการไปพบแพทย์ตามนัด ทำให้ต้องขาดยา และรักษาไม่ได้ผล ซึ่งก้าวต่อไปคณะผู้จัดทำ เตรียมสร้างเฟสต่อไปให้มีเนื้อหาที่ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยง NDCs
มากขึ้น โดยได้เปิดเผยถึงกลยุทธ์ “สื่อสารสุขภาวะอย่างไรให้ปัง” ว่าจะต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งความใส่ใจ (Emphathy) และความรับผิดชอบ (Responsibility)

ภายใต้หลักการ “TCC” ประกอบด้วย T-Trust หรือการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ, C-Comprehension ความเข้าถึงง่าย และ C-Concise ความกระชับ!!!

แชร์ไปยัง: