‘เพิ่มสุข’ ขานรับนโยบาย ‘อนุทิน’ ทันที รับข้าราชการใหม่ภาค ข.-ค. ยึด ‘ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์-หลักคุณธรรม’ พร้อมชู ‘ธัชชา : TASSHA’ ใช้เทคโนโลยีพัฒนาประวัติศาสตร์
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) เป็นประธานในการลงนามข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ว่าด้วย “การสร้างทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เป็นคนที่มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติ” ของ 4 กระทรวง อาทิ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงแรงงาน และกระทรวง อว. เมื่อวันที่ (17 พ.ย.) ที่ผ่านมาว่า สิ่งที่รองนายกฯอนุทินได้มอบนโยบายมานี้มีความคิดเห็นที่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวง อว.ที่ได้มอบให้กับคณะผู้บริหารเมื่อวันที่ 6 พ.ย.66 โดยยึดมั่นชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเน้นหลักคุณธรรม อีกทั้งให้ความสำคัญกับเรื่องประวัติศาสตร์ของชาติและจริยธรรม
ปลัดกระทรวง อว.กล่าวว่า ในส่วนของข้าราชการใหม่ได้มีการให้นโยบายว่าการรับข้าราชการใหม่ในการสอบภาค ข. หรือภาค ค. กำหนดให้มีการเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เข้าไปเพื่อที่จะได้ให้ผู้สมัครได้แสดงวิสัยทัศน์และในขั้นสัมภาษณ์ก็จะมีการถามซ้ำอีกครั้งเพื่อเป็นการกลั่นกรองบุคลากรเข้ามาสู่ระบบราชการ ซึ่งแนวทางนี้ก็จะนำไปใช้กับองค์การมหาชน ซึ่งมีอยู่สิบกว่าแห่ง อีกทั้งหน่วยงานในกำกับด้วย สำหรับมหาวิทยาลัยก็จะเข้าไปเน้นย้ำอีกทีโดยใช้วิธีการที่เหมาะสม
ปลัดกระทรวง อว.กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อปี 2564 ทางกระทรวง อว.มีการจัดตั้งวิทยสถานสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสาตร์แห่งประเทศไทย หรือธัชชา (TASSHA : Thailand Academy of Social Sciences, Humanities and arts) ประกอบด้วย 5 สถาบัน คือสถาบันสุวรรณภูมิศึกษา, สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง, สถาบันโลกคดีศึกษา, สถาบันพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมแห่งชาติ และสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น โดยใช้เทคโนโลยีที่เรามีอยู่เข้าไปพัฒนาประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่อยู่ในประเทศไทย อาทิ วัด ดินแดนสุวรรณภูมิ ฯลฯ นี่คือการสอดรับกับนโยบายของรองนายกฯอนุทินเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการปลูกจิตสำนึกให้รักชาติและรักแผ่นดินไทย โดยเห็นว่าควรพัฒนาร่วมกัน เพราะเราเป็นซอฟต์เพาเวอร์ ทุกอย่างถ้ามีการจัดระบบให้ดีจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนประเทศไทยมากขึ้น
นายเพิ่มสุขกล่าวด้วยว่า คำว่า รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีนัยอยู่คือ 1) รักชาติ ทุกประเด็นจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก เมื่อไปคุยกับนานาชาติต้องคำนึงว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไร 2) ทุกศาสนา เราจะต้องเข้าให้ถึง เข้าไปบำรุง ให้ความเคารพนับถือ และ 3) สถาบันกษัตริย์ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของความมั่นคงของประเทศ ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางที่ให้นโยบายกับข้าราชการกระทรวง อว. เพราะการปลูกจิตสำนึกเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในระยะยาวอย่างยั่งยืนต่อไป