กทม. จับมือ AIS เดินหน้าขยายผลหลักสูตร อุ่นใจไซเบอร์ สู่ 437 โรงเรียนสังกัด กทม. ตั้งเป้าสร้างพลเมืองดิจิทัลให้บุคลากร เยาวชน นักเรียน กทม. รู้ทันภัยไซเบอร์

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการดำเนินโครงการส่งเสริมการเรียนรู้หน้าที่พลเมืองดิจิทัล สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร และนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ด้วยสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล “หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์”  

 

 ยกระดับดัชนีสุขภาวะดิจิทัล  

 

กรุงเทพมหานครฯ จับมือ AIS และภาคีเครือข่ายภาครัฐ ทั้งกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ขยายผลหลักสูตรการเรียนรู้ด้านทักษะดิจิทัล “หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์  ยกระดับการศึกษายุคดิจิทัลในการสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ ส่งต่อความรู้ให้แก่ครู บุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม. ทั้ง 437 แห่ง ที่มีทั้งบุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนรวมมากกว่า 250,000 คน  

ตั้งเป้าสร้างพลเมืองดิจิทัลพร้อมยกระดับดัชนีสุขภาวะดิจิทัล (Thailand Cyber Wellness Index) ของกลุ่มนักเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานครฯ ให้มีอยู่ในระดับที่รู้เท่าทัน มีทักษะดิจิทัล สามารถใช้งานสื่อโซเชียลและเทคโนโลยีได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และเหมาะสม ผ่านการนำหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสื่อการเรียนการสอน ในวิชาวิทยาการคำนวณ สังคมและแนะแนว หรือแม้แต่รูปแบบการเรียนการสอนที่สอดคล้องเหมาะกับแต่ละสถาบันการศึกษา โดยเริ่มตั้งแต่ภาคการศึกษา 2566 เป็นต้นไป 

ด้านเนื้อหาหลักสูตรการเรียนการสอน กทม.ได้บูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ซึ่งเนื้อหาที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ควรได้รับการเรียนรู้คือโลกของดิจิทัล ทักษะด้านดิจิทัลในการใช้งานบนโลกออนไลน์ให้มีความปลอดภัยและเหมาะสมเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากผู้ไม่หวังดีหรือมิจฉาชีพ ซึ่งความร่วมมือกับ AIS รวมถึงกรมสุขภาพจิต และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมในการจัดทำหลัก หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์มาบูรณาการเป็นสื่อการเรียนการสอน  จะช่วยส่งเสริมนโยบายด้านการศึกษาของกรุงเทพมหานครให้ยกระดับยิ่งขึ้น  

สำหรับการนำหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์เข้ามาในโรงเรียนสังกัดกทม.ทั้ง 437 แห่ง เราจะไม่ได้กำหนดว่าทุกโรงเรียนจะต้องทำเหมือนกัน แต่ให้แต่ละโรงเรียนนำไปปรับ โดยอาจจะใช้ในวิชาวิทยาการคำนวณ สังคม แนะแนว ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะใช้ในหลักสูตรนอกห้องเรียน ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนจะออกแบบ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการถอดบทเรียนของแต่ละแห่งมาเป็นเมนูให้โรงเรียนอื่น ๆ เลือกต่อไป ส่วนการวัดผล นอกจากในเชิงจำนวนคนแล้ว หัวใจสำคัญยังเป็นเรื่อง impact (ผลกระทบ) ว่าผู้เรียนมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นอย่างไร ซึ่งเป้าหมายหลักคือการทำให้ทั้งบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน ผู้ปกครอง รวมถึงประชาชนโดยรอบในชุมชนได้เข้าถึงองค์ความรู้ใหม่ ๆ จนนำไปสู่การเสริมสร้างทักษะดิจิทัล การใช้งานสื่อดิจิทัลและเทคโนโลยีอย่างมีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ สามารถการใช้ชีวิตบนโลกดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย ในการนี้ ต้องขอขอบคุณทาง AIS และภาคีเครือข่ายสำหรับความร่วมมือกันในครั้งนี้ กทม.จะนำหลักสูตรดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป 

 

 

หวังเด็ก/ผู้ใหญ่มีความสุข สุขภาพจิตดี 

              

พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า  กรมสุขภาพจิตมีเป้าหมายหลักให้คนไทยมีสุขภาพจิตที่ดี มีความสุข ซึ่งปัจจุบันชีวิตของคนส่วนใหญ่อยู่ในโลกดิจิทัลคู่ขนานไปกับโลกแห่งความเป็นจริง ฉะนั้น เราจึงร่วมมือกันเพื่อทำให้ทั้งเด็กรุ่นใหม่และผู้ใหญ่สามารถใช้ชีวิตโลกดิจิทัลให้มีความสุขและมีความปลอดภัย 

 

 

รศ.ดร.ณรงค์ มั่งคั่ง รองคณบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า  ในส่วนของความร่วมมือในการทำหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ประกอบด้วย AIS เข้าใจ – กทม. เข้าถึง – กรมสุขภาพจิต พัฒนา และ มจธ. บูรณาการทั้งหมดเข้าด้วยกัน ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรนี้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและความระมัดระวังในการใช้งานสื่อโซเชียลและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเหมาะสมสำหรับทุกคนต่อไป 

 

 

เดินหน้าต่อหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ 

 

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม รักษาการหัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า  จากผลการศึกษาล่าสุดของดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล หรือ Thailand Cyber Wellness Index พบว่ากลุ่มนักเรียนที่เราอาจจะเข้าใจว่าสามารถใช้งานสื่อดิจิทัลออนไลน์ได้อย่างเชี่ยวชาญในฐานะคนรุ่นใหม่ กลับเป็นอีกกลุ่มสำคัญที่ต้องเพิ่มทักษะความรู้ความเข้าใจให้สามารถใช้งานดิจิทัลได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ไม่ตกเป็นเหยื่อของภัยไซเบอร์ จึงเป็นเหตุผลที่วันนี้เราได้ทำงานร่วมกับกรุงเทพมหานคร เพื่อขยายผลและส่งต่อหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ไปยังสถานศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานคร หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราเดินหน้านำหลักสูตรการเรียนรู้ดังกล่าวส่งต่อไปยังบุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ กว่า 29,000 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งขยายผลไปสู่ระดับมหาวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา หรือแม้แต่การส่งต่อไปยังภาคประชาชนผ่านหน่วยงานความมั่นคงอย่าง สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือกับ กรุงเทพมหานครในครั้งนี้ จะทำให้เยาวชน บุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง มีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะยกระดับดัชนีสุขภาวะดิจิทัลของเด็กไทยและคนไทยให้อยูในระดับที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต 

 

 

สำหรับ “หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์”  นำเสนอเป็น 4 Professional Skill Module หรือ  4P4ป ที่ครอบคลุมทักษะดิจิทัล ดังนี้ 

 

1.Practice:ปลูกฝังให้มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างถูกต้องและเหมาะสม 

2.Personality: แนะนำการปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ 

3.Protection: เรียนรู้การป้องกันภัยไซเบอร์บนโลกออนไลน์ 

4.Participation:รู้จักการปฏิสัมพันธ์ด้วยทักษะและพฤติกรรมการสื่อสารบนออนไลน์อย่างเหมาะสม 

แชร์ไปยัง: