สิ่งสำคัญที่องค์กรจำเป็นต้องพิจารณา เรื่องความเสี่ยงของ AI กับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

สิ่งสำคัญที่องค์กรจำเป็นต้องพิจารณา เรื่องความเสี่ยงของ AI กับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยประโยชน์ของ  AI ที่เรานิยมใช้กันทุกวันนี้ ต้องสมดุลกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลที่เกิดตามมาโดยไม่ได้ตั้งใจจากฮาร์ดแวร์ โมเดลการฝึกและการใช้พลังงาน

เบตติน่า แทรทซ์ ไรอัน รองประธานฝ่ายวิจัย Gartner กล่าวว่า “จากการสำรวจความคิดเห็นของ Gartner กับผู้บริหารระดับซีอีโอในปี 2566 พบว่าประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญติด 10 อันดับแรก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการทำสำรวจ ท่ามกลางแรงกดดันที่ CIO ได้รับเพิ่มขึ้นจากผู้บริหาร ลูกค้า พนักงาน นักลงทุน และหน่วยงานกำกับดูแลในการริเริ่มหรือปรับปรุงโครงการไอทีเพื่อความยั่งยืน”

“64% ของ CEO ระบุว่าการผสมผสานการใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงองค์กร เช่น การนำ AI มาปรับใช้งานและการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมเป็นโอกาสสร้างการเติบโต โดย CIO ควรใช้ปัจจัยเหล่านี้เป็นแรงกระตุ้นในการสร้างความเป็นผู้นำมากยิ่งขึ้นผ่านการดำเนินกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืนและใช้ความยั่งยืนเป็นแพลตฟอร์มสร้างการเติบโต”

สำหรับ CIO ส่วนใหญ่ มองว่าการส่งมอบบริการดิจิทัลเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับและความต้องการ อันหมายถึงการยึดตามหลัก KPI ทางธุรกิจต่าง ๆ เช่น คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์หรือปริมาณการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นเรื่องของวิธีการที่บรรดา CIO ใช้วางรากฐานดิจิทัล หรือจัดสรรผลประโยชน์จากดิจิทัลเพื่อรองรับตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร พร้อมปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความยั่งยืนควบคู่กันไป ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แม้ธุรกิจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน แต่ CIO เองก็ควรเตรียมวางรากฐานดิจิทัลให้พร้อมสำหรับความยั่งยืนด้วย

เพื่อให้มีความพร้อมด้านความยั่งยืนและนำไปใช้ได้กับระบบคลาวด์และการจัดเก็บข้อมูล โครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินงาน รวมถึงเส้นทางของข้อมูลทางธุรกิจที่ตรวจสอบได้ตลอดเส้นทางหรือ เธรดดิจิทัล ที่เป็นการเชื่อมต่อข้อมูลแบบเสมือนระหว่างวัตถุ อุปกรณ์ และผู้ใช้ และการนำ AI มาใช้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ให้พิจารณาเปรียบเทียบประโยชน์จาก AI กับความเสี่ยงและความท้าทายต่อสิ่งแวดล้อม

ด้วยจำนวนองค์กรที่นำ AI มาใช้เพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้งาน Generative AI (GenAI) กำลังนำไปสู่ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มตามมา คาดการณ์ว่า AI จะบริโภคพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 3.5% ของปริมาณไฟฟ้าในโลกภายในปี พ.ศ. 2573  โดย AI บริโภคพลังงานไฟฟ้าและน้ำอย่างมหาศาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นควรได้รับการจัดการให้สมดุล

โดยผู้บริหารควรตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นจาก AI และใช้มาตรการลดผลกระทบอย่างจริงจัง โดยผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นอย่างแรก ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงได้ 70% – 90% เมื่อเทียบกับการใช้ห้องเซิร์ฟเวอร์แบบเดิม หรือการเป็นเจ้าของดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดกลาง

อย่างไรก็ตาม AI ไม่ใช่วายร้ายต่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม แท้จริงแล้ว AI ช่วยให้งานของคุณมีศักยภาพ เพื่อเสริมโครงการด้านความยั่งยืนมากมาย เพียงแต่ผู้นำธุรกิจและไอที เริ่มต้นคิดและส่งเสริมผลงานโครงการ AI ให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล หรือ ESG ขององค์กร เช่น AI สามารถใช้คาดการณ์ความต้องการได้แม่นยำ และลดการใช้วัตถุดิบและลดพลังงานในการผลิต เป็นต้น ซึ่งหากใช้ AI อย่างถูกวิธีและมุ่งเน้นไปที่เคสการใช้งานที่ถูกต้อง AI จะสามารถช่วยบริษัทลดความเสี่ยงด้านความยั่งยืน ปรับต้นทุนให้มีความเหมาะสม และขับเคลื่อนองค์กรได้แบบลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งองค์กรทั่วโลกกำลังทำอยู่

แชร์ไปยัง: